“ETERNALS ฮีโร่พลังเทพเจ้า”
ฮีโร่พลังเทพเจ้า Eternalsหนังเทพเจ้าฟอร์มยักษ์จากจักรวาลMarvel เป็นเรื่องราวที่เล่าย้อนไปเมื่อ 7พันปีที่แล้วกับการก่อร่างสร้างอารยธรรมของมนุษย์ โดยมีกลุ่ม Eternalsทั้ง10คน ผู้ที่ซึ่งมาจากดาว Olympia ที่ได้รับมอบหมายภารกิจจาก Prime Celestial Arishem เพื่อช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการรุกรานของDeviants ซึ่งอยู่มาพร้อมกับการกำเนิดดวงดาวแต่ละดวงและกำจัดDeviantsจนสิ้นซาก
สนับสนุนโดย
แทงบอล มวย หวย บาคาร่า สล็อต
UFABET 888 | UFA345 | UFABET เว็บตรง | ยูฟ่าเบทออโต้ | ยูฟ่าเบท |
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFA365 | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์
เหล่าEternalsได้ดำรงอยู่กับมนุษย์และได้มอบภูมิปัญญา อารยธรรมและนวัตกรรมให้แก่มนุษย์ แต่ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการปกครองและความขัดแย้งของมนุษย์เลยซักครั้ง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์การดีดนิ้วเพื่อช่วยชีวิตคนที่หายไปกว่าครึ่งจักรวาลของกลุ่ม AvengersในEndgame จากเหตุการณ์นั้นทำให้เกิดการระเบิดของพลังงานบางอย่างและเป็นจุดเริ่มต้นของวิบัติการล้างโลก พวกเค้าต้องหยุดยั้ง เหตุการณ์นี้ภายในเวลาเพียง7วัน
Eternals ดำเนินเรื่องจากการไล่ปูพรมเนื้อเรื่องมาตั้งแต่7พันปีที่แล้วจนมาถึงปัจจุบันเล่าถึงการมาของเหล่าeternalsเทพเจ้าที่มีหน้าตาเหมือนมนุษย์ซึ่งในเรื่องจะแสดงไปถึงอารมณ์ ความสัมพันธ์ ของเหล่าเทพ ส่วนตัวสเกลของเรื่องจริงๆค่อนข้างใหญ่ตัวละครเยอะ ทำให้การดำเนินเรื่องเน้นไปถึงการปูที่มาที่ไปและรีบมาบรรรจบกันเพื่อที่จะเข้าเรื่องทำให้ในบางช่วงในตัวเรื่องมีความความอืดๆยืดๆชวนหลับบ้างเล็กน้อยแต่ก็กลับมาตื่นตาตื่นใจกับCGซึ่งยอมรับเลยว่าเค้าทำออกมาได้สวยอลังการงานสร้างและอีกทั้งเสน่ห์ของตัวละครที่พอให้ได้ดูเพลินๆกินป๊อปคอร์นไปด้วยได้เรื่อยๆ
Eternals สุดท้ายนี้สำหรับสาวกMarvelที่คาดหมายคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะบู๊ระห่ำเลือดสาดอาจจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ถ้าดูแบบเพลินๆไม่คิดอะไรคุณจะได้ครบ ทั้ง สุข เศร้า เคล้าน้ำตา และอิ่มเอมหัวใจไปไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยกนักแสดงที่เป็น LGBTQ+ ผิวสี หรือ นักแสดงที่เป็นผู้ผิดปกติทางการได้ยิน เพื่อสื่อให้ถึงความเสมอภาคและเท่าเทียมกันอีกทั้งความสวยงามของแสงสีเสียงและการถ่ายทอดภาพเรื่องราวที่เน้นไปทางวิวทิวทัศน์ที่สวยงามซึ่งบอกได้ว่าเป็นงานศิลป์โดยแท้จริง
สปอยหนัง Eternals ฮีโร่พลังเทพเจ้า 2021 เริ่มฉากแรกด้วยการประชุมอะไรสักอย่างของพวกเทพ โดยแต่ละคนก็จะมายืนล้อมกันเป็นวงกลมแล้วก็มีแสงอะไรรอบๆแต่ดูเหมือนพวกเขาจะสื่อสารกันและ อิคาริส และ เซอร์ซี ก็ได้เจอกันที่งานประชุมวันนั้น ตัดภาพมาที่โลกในอดีตน่าจะประมาณเมื่อหลาย 100 ปี 1000 ปีก่อน มีพ่อลูกสองคนกำลังพาออกหาปลาเผื่อไปทำเป็นอาหาร แล้วอยู่ๆสัตว์ประหลาด ก็ขึ้นมาจากน้ำเเละได้งัดเข้าไปที่หัวพ่อของเด็กคนนั้นไปโดยสัตว์ประหลาดอีกตัวก็กำลังจะมาทำร้ายเด็กแต่ก็มีพวกเทพเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน ซึ่งพวกเทพแต่ละคนก็จะมีความสามารถเฉพาะตัวคนละด้าน แต่เหมือนในหนังเรื่องนี้เหมือนจะมีตัวเอกอยู่ตัวหนึ่งที่เด่นมากๆคือชายผู้ปล่อยแสงออกจากตาได้ นั่นก็คือ อิคาริส นั่นเอง หลังจากที่เหล่าบรรเทพทั้งหลายช่วยมนุษย์เสร็จก็กำลังจะกลับขึ้นยาน และก็มีเทพคนนึง ก็คือ เซอร์ซีได้ มอบอาวุธให้กับเด็กที่พ่อเค้าถูกฆ่าโดยสัตว์ประหลาด จากนั้นตัดภาพมาที่โลกในปัจจุบันน่าจะประมาณหลาย 100 ปีถัดมา เป็นยุคที่มีโอโฟนใช้กันแล้ว โดยเซอร์ซีได้ ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาเป็นครูสอนหนังสือ อีกทั้งยังมีความรักกับอาจารย์หนุ่มด้วยกันอีกด้วย ซึ่งระหว่างที่เธอสอนอยู่ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาโดยเธอ ได้ใช้พลังวิเศษเปลี่ยนสิ่งของ ช่วยเด็กๆในห้องเรียนเอาไว้ เเละเธอก็เอะใจและเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างแต่ภาพก็ตัดไป ตัดมาที่เทพอีกองค์หนึ่งที่เป็นเด็กที่มีพลังวิเศษกลายร่างเป็นคนอื่นได้หรือหายตัวได้ก็ใช้สกิวแปลงร่างเป็นสาวสวยแต่งตัวเข้าไปในผับ นั่งดื่มกับผู้ชาย ภาพก็ตัดมาที่ เซอร์ซี กับแฟนหนุ่ม จู๋จี๋กันอยู่ แต่อยู่ๆแฟนหนุ่มก็พูดขึ้นมาว่าคุณเป็นแม่มดอะไรพวกนั้นหรือเปล่า หรือแบบว่าเหมือนพวก ด็อกเตอร์สเตรนจ์ อะไรทำนองนั้น และทั้งคู่ก็หัวเราะกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเทพที่เป็นเด็กมาก็ตามเซอร์ซีและเเฟนหนุ่มกลับบ้าน ระหว่างขากลับพวกเขาทั้งสามกำลังจะแยกกัน สัตว์ประหลาด ก็โผล่เข้ามาแล้วดูเหมือนเทพทั้งสองคนนี้จะสู้สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ไหว ทันใดนั้นก็มี เทพองค์หนึ่ง ที่ปล่อยแสงออกจากตาได้ โผล่มาได้มาช่วยไว้ได้ทัน เขาคนนั้นก็คือ อิคาริส นั่นเอง ซึ่งการปรากฏ ตัว ก็ทำให้เทพที่เป็นเด็กดีใจเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขานั้น ไม่ได้เจอกันมานานหลายร้อยปีแล้ว ส่วนเซอร์ซีก็ยังตกใจอยู่ และยังนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เขาและอิคาริส เคยอยู่ด้วยกันและคบหาดูใจกันมานานกว่า 5,000 ปี หลังจากการสู้จบลงเซอร์ซีกับแฟนหนุ่มก็เลยเปิดใจคุยกันแล้วเธอก็บอกว่าเธอมาจากที่นี่เมื่อหลาย 100 ปีที่แล้วแฟนหนุ่มก็ถามขึ้นมาว่าแล้วทำไมไม่มาช่วยเหตุการณ์ธานอส ซึ่งเซอซีก็ตอบแฟนหนุ่มไปว่า หากช่วยมนุษย์ทุกเรื่องมนุษย์ก็จะทำอะไรเองไม่เป็น ไม่รู้จักพัฒนาด้วยตนเอง ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เป็นที่เข้าใจได้เป็นอย่างมากเลยค่ะ หากมนุษย์เรามีเทพคอยช่วยอยู่เสมอ ก็จะไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง จากนั้นภาพตัดมาที่สามเทพประชุมกันว่าจะเอายังไงต่อดีเพราะพวกสัตว์ประหลาดพวกนี้มันเก่งขึ้นแถมยังรักษาตัวเองได้อีกด้วยทุกคนจึงตัดสินใจตามหาเพื่อนเพื่อนเทพที่เหลือ โดยทั้ง 3 ก็เริ่มออกเดินทางหาเพื่อนๆเทพที่เหลือ เมื่อรวมกันครบทีม เหล่าบรรดาเทพก็พบว่ามีเพื่อนในทีมคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรครักษาไม่หายอาการก็คือจำใครไม่ได้เลยแม้แต่เราบรรดาเพื่อนเทพด้วยกัน อีกทั้งยังทำร้ายเทพด้วยกันด้วย แต่หลังจากเขาตื่นขึ้นมาเค้าก็จำสิ่งที่ตนทำลงไปไม่ได้ วิธีที่จะรักษาให้หายคือการลบความทรงจำทิ้งทั้งหมดและเริ่มใหม่แต่คนที่ป่วยไม่ยอมเพราะอยากจำเรื่องราวดีดีในชีวิตได้ และหนังก็ตัดมาที่เทพแต่ละคนซึ่งแต่ละคนก็แฝงตัวในรูปแบบต่างกันโดยคนแรกแฝงตัวในนามนักแสดงชื่อดัง หลังจากที่เพื่อนเพื่อนมาหาก็เล่าความจริงให้กันฟังว่าตอนนี้เราได้เสียเพื่อนคนหนึ่งไปแล้วจากฝีมือของสัตว์ประหลาด ต่อมาที่สองคู่หูคู่ใจอีกคนหนึ่งเป็นจอมพลังอีกคนเป็นตำนานสาว เทพีเเห่งสงคราม เมื่อทั้งคู่รู้ว่าเพื่อนเทพองค์หนึ่งตายไปแล้วก็ต่างพากันเสียใจไปตามตามกัน จากนั้นเหล่าบรรดาเทพก็ร่วมทานอาหารด้วยกันและพูดคุยเรื่องต่างๆนาๆรวมถึงเรื่องสัปปะหลาดด้วยว่าจะเอายังไงกับพวกมันดี มีอยู่คนนึงพูดถึงโอดิน และธอร์ด้วย ว่าสมัยก่อนเทพเจ้าธอร์นั่น เป็นลูกศิษย์เดิมตามเขา แต่พอได้เป็นอเวนเจอร์แล้ว ก็ไม่ได้มาหาตนเลย ฮ่าๆ ต่อมาเซอซี ได้ตั้งจิต คุยกับเบื้องบนอีกครั้งว่าต้องการอะไรกันแน่ทางเบื้องบนก็ได้บอกมาว่า โลกใบนี้มีจำนวนประชากรมนุษย์มากเพียงพอแล้วพร้อมสำหรับการอุบัติ และทุกชีวิตจะสิ้นศูนย์ แต่เซอซี ก็ไม่อยากให้มนุษย์สูญพันธุ์ จึงได้อธิบายไปแต่เบื้องบนก็ไม่ฟังเธอ และได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ว่าพวกเขา สร้างสัตว์ประหลาดเหล่านั้นขึ้นมาเอง หลังจากนั้นเราไปแล้วเทพก็ประชุมกันแต่ยิ่งคุยกันเท่าไหร่ยิ่งหาข้อสรุปไม่ได้เพราะมันมืดแปดด้านหลังจากที่รู้ความจริงว่าพวกมึงบนที่เค้าทำงานให้ช่างสัตว์ประหลาดอเหล่านี้ขึ้นมาด้วยตัวเองบางคนก็เสียใจคิดว่าอยู่ฝั่งดีมาตลอดที่ไหนได้เป็นตัวร้ายมาตั้งแต่แรก จากนั้นภาพตัดมาที่ป่าอเมซอนซึ่งมีคนหนึ่งในทีมเทพอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งก็คือเทพที่สะกดจิตได้ โดยก่อนที่พวกเขาจะแยกทางกันเค้าได้ทะเลาะกันเล็กน้อยและเมื่อเจอกันครั้งนี้ก็เลยมีปากเสียงกันนิดหน่อยแต่ ยังคุยกันไม่ทันจบ พวก สัตว์ประหลาด ก็บุกมายังป่าแห่งนี้และพวกเขาก็ได้เสียเพื่อนเทพไปอีกหนึ่งคน จากนั้นทุกคนก็ตกลงว่าจะช่วยกันแก้ไขเรื่องนี้ ต่อมาภาพตัดมาที่เทพองค์หนึ่งที่มีงานที่คิดวิเคราะห์วิทยาการเทคโนโลยีให้มนุษย์ แต่กลับพบว่ามนุษย์ใช้เทคโนโลยีของเค้ามาทำร้ายกันเองซึ่งในภาพยนตร์จำลองภาพสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นโดนระเบิดปรมาณู หลังจากที่เราบรรดาเทพรวมทีมกันครบแล้ว ก็พากันเดินทางมาที่ยานที่เค้าพังไว้บนโลกและได้ วางแผนกันที่นั่น และภาพก็ตัดมาที่เหตุการณ์ก่อนที่เพื่อนเทพในทีมคนแรกจะเสียชีวิต และคนที่ทำให้เพื่อนคนแรกเสียชีวิตก็คือ อิคาริส ชายผู้ปล่อยแสงออกจากดวงตาได้ จากนั้นเราบรรดาเทพก็วงแตก อิคาริส กับสไปร์ท ออกไปด้วยกัน ส่วนที่เหลือก็ยังอยู่ และไม่มีใครบาดเจ็บแต่อย่างใดค่ะ หลังจากนี้เทพก็แบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่ง อิคาริส กับสไปร์ท ที่ตั้งใจจะทำตามเบื้องบน นั่นก็คือ ปล่อยให้โลกใบนี้ อุบัติ ไปตามกาลเวลา ส่วนอีกฝั่งนึงก็เป็นพวกของ เซอซีและเพื่อนๆเทพที่ยังเหลืออยู่ ทั้งหมดก็ได้ต่อสู้กันอย่างหนัก จนในสุดท้าย ฝั่งของเซอร์ซีได้ชนะในศึกนี้ และได้หยุดการอุบัติไว้ได้ โลกจึงปลอดภัยจากการแตกสลาย และโลกก็กลับมาเป็นปกติ
ต้องบอกเลยว่าถือเป็นหนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของ จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล เลยทีเดียว ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น ถือว่าไม่เท่าไหร่ หากเทียบกับพวกอเวนเจอร์ที่ผ่านๆมา แต่เรื่องนี้ถือว่าเป็นภาพยนตร์มาร์เวลที่สมจริงขึ้น ในเนื้อเรื่องก็แฝงแนวคิดยุคใหม่เอาไว้เยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือของเทพสู่มนุษย์ ที่มีเทพองค์หนึ่งพูดขึ้นมาว่า หากเราช่วยเหลือมุนษย์ไปซะทุกเรื่อง ในอนาคตมนุษย์อาจจะไม่สามารถพัฒนาอะไรได้เอง หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเท่าเทียมเรื่องเพศ ซึ่งในหนังก็มีฉากที่เทพองค์หนึ่งที่เป็นชายรักชาย ถือเป็นการนำแนวคิดเรื่อง LGBTQ ได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ